ตะกร้า
Language:
ปิด
Language:

อยากให้เบบี๋จีเนียส คุณแม่ควรทานอะไรเพื่อบำรุงสมอง

อยากให้เบบี๋จีเนียส คุณแม่ควรทานอะไรเพื่อบำรุงสมอง

 

ในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคืออาหาร เพราะเป็นสิ่งที่ลูกน้อยได้รับโดยตรงจากคุณแม่ หากคุณแม่รับประทานสิ่งที่มีประโยชน์และบำรุงลูกน้อยในแต่ละไตรมาสของการตั้งครรภ์ ช่วยให้ลูกน้อยแข็งแรง สมบูรณ์ และมีพัฒนาการที่ดีตั้งแต่อยู่ในครรภ์

วันนี้ Baby Basket มีคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อบำรุงลูกน้อยในระหว่างการตั้งครรภ์กันค่ะ 

กรดโฟลิก (Folic Acid) คือวิตามินที่สามารถพบได้ตามธรรมชาติ และเป็น Super Food สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือมีแผนที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากกรดโฟลิกมีส่วนช่วยในเรื่องของการสร้างตัวอ่อน ช่วยป้องกันกันและลดความผิดปกติของระบบประสาท โดยเฉพาะภาวะไม่มีเนื้อสมอง ภาวะไขสันหลังไม่ปิดจากการขาดโฟลิก และช่วยซ่อมแซมพันธุกรรม ควบคุมการสร้างกรดอะมิโนที่จำเป็นในการแบ่งเซลล์ และสร้างเมล็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวในไขกระดูกของลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์

กรดโฟลิกที่สามารถพบได้ในอาหารประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • ผักใบเขียว อุดมไปด้วยกรดโฟลิก คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรเพิ่มปริมาณผักใบเขียวเพิ่มขึ้นในแต่ละมื้อ เช่น ผักขม กระหล่ำปลี ผักกาดเขียว 
  • บร็อคโคลี่ ปริมาณบร็อคโคลี่ 1 ถ้วย มีปริมาณของกรดโฟลิกมากถึง 26% ของจำนวนที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน
  • ผลไม้รสเปรี้ยว อุดมไปด้วยกรดโฟลิก ยิ่งผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวก็จะมีกรดโฟลิกในปริมาณมาก เช่น ส้ม 1 ลูก มีปริมาณกรดโฟลิกมากถึง 50 กรัม

หากคุณแม่ที่ได้รับโฟลิกน้อยเกินไป อาจส่งผลให้ลูกน้อยมีความพิการทางสมองและความผิดปกติของประสาทส่วนกลาง รวมถึงกะโหลกศีรษะไม่ปิด ทำให้ลูกน้อยมีอายุได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ในส่วนของประสาทไขสันหลังเพิ่มความเสี่ยงต่อความพิการ ในส่วนของการสร้างเม็ดเลือดแดงจะมีขนาดใหญ่กว่าปกติหรือโตไม่เต็มที่ ส่งผลให้เกิดโรคหัวใจไขมันอุดตันในหลอดเลือดสมอง คอเลสเตอรอลสูงสูง ความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน

โอเมก้า 3 (Omega 3) มีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบประสาทและสมอง เพิ่มประสิทธิภาพเกี่ยวกับความจำ และเป็นกลุ่มของกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชียงเดี่ยวชนิดหนึ่งและเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย และเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ซึ่งพบได้ใน ปลา น้ำมันพืช ถั่ว เมล็ดพืชต่าง ๆ และผักใบเขียว

คุณแม่ตั้งครรภ์ควรบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ช่วยในเรื่องของการเสริมสร้างร่างกายของลูกน้อย และช่วยเพิ่มน้ำหนักตัวทำให้ลูกน้อยอยู่ในครรภ์ได้นานมากยิ่งขึ้น

หากรับประทานโอเมก้า 3 ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาทางด้านสุขภาพ เช่น มีผิวหน้างสาบและหยาบ ลอกเป็นเกล็ด เกิดผื่นแดง บวม และทำให้เกิดการระคายเคือง

ไอโอดีน (Iodine) คือธาตุอาหารที่สำคัญต่อร่างกายในทุก ๆ ช่วงวัย โดยเฉพาะการพัฒนาระบบประสาทของลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ นอกจากนี้ไอโอดีนร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ทำให้ลูกน้อยต้องรับไอโอดีนจากคุณแม่โดยตรงผ่านการรับประทานอาหาร นอกจากนี้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์มีการทำงานของไตที่หนักกว่าคนทั่วไป ทำให้เกิดการขับไอโอดีนออกจากร่างกายในปริมาณมาก คุณแม่ต้องรับประทานไอโอดีนมากกว่าคนทั่วไปอย่างน้อยควรรับประทาน 250 ไมโครกรัมต่อวัน

หากคุณแม่ที่ตั้งครรภ์รับไอโอดีนไม่เพียงพอ ทำให้เกิดผลกระทบที่ตามมา 2 ส่วน

  • ผลกระทบต่อตัวคุณแม่ ทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ร่างกายอ่อเพลีย โรคคอหอยพอก และภาวะมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม มะเร็งกระเพาะอาหาร
  • ผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ อาจส่งผลให้ลูกน้อยเสียชีวิตในครรภ์หรือตั้งแต่แรกเกิด ภาวะพิการทางสมอง ต่อมไทรอยด์ไม่ทำงานตั้งแต่กำเนิด ร่างกายเล็กผิดปกติ เติบโตช้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง และสติปัญญาต่ำกว่ามาตรฐาน